• Home
  • Blog
  • Online Marketing
  • ขั้นตอนการทำการตลาดออนไลน์ให้สำเร็จ ใช้ได้ทั้งมือใหม่ มือเก๋า

ขั้นตอนการทำการตลาดออนไลน์ให้สำเร็จ ใช้ได้ทั้งมือใหม่ มือเก๋า

Online Marketing |

ชวนรู้จักทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) คืออะไร พร้อมแนะนำ 6 ช่องทางที่ได้รับความนิยม ธุรกิจมือใหม่ที่อยากลงสนามออนไลน์ต้องห้ามพลาด เครื่องมือที่ต้องใช้ และขั้นตอนการทำการตลาดออนไลน์ให้สำเร็จ

ในยุคดิจิทัล การตลาดออนไลน์กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ธุรกิจยุคใหม่ไม่ควรมองข้าม เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคมุ่งสู่โลกออนไลน์มากขึ้น หากธุรกิจไม่ปรับตัวให้ทันก็เป็นอันต้องพ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งอย่างน่าเสียดาย วันนี้ Insightout Service จึงจะพาไปทำความรู้จักการตลาดออนไลน์ให้มากขึ้น พร้อมแนะนำช่องทางการทำการตลาดออนไลน์ที่น่าสนใจ

ทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) คืออะไร?

ทำการตลาดออนไลน์

การทำการตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing คือการทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ อีเมล โซเชียลมีเดีย รวมถึงแอปพลิเคชันต่าง ๆ บนมือถือ เพื่อโปรโมทสินค้า หรือบริการของเรา ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยอาศัยข้อมูลและเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบันเข้ามาช่วย มีเป้าหมายเพื่อสร้างโอกาสในการขายและเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจในที่สุด

ทำการตลาดออนไลน์สำคัญอย่างไรกับธุรกิจ

ในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคใช้เวลาบนโลกออนไลน์กันมากขึ้นเรื่อย ๆ การทำการตลาดออนไลน์จึงมีความสำคัญต่อธุรกิจอย่างมาก ทั้งในแง่ของการสร้างการรับรู้ในแบรนด์ (Brand Awareness) การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ช่วยสร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า การเพิ่มยอดขายและรายได้จากการซื้อสินค้าออนไลน์ รวมถึงช่วยให้วัดผลและเห็นข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับกลยุทธ์การตลาดต่อไป

นอกจากนี้ การทำการตลาดออนไลน์ยังช่วยลดต้นทุนในการทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับการทำการตลาดแบบดั้งเดิม เพราะสามารถกำหนดงบประมาณได้อย่างยืดหยุ่น เลือกเจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำ และปรับเปลี่ยนแคมเปญได้ทันที หากพบว่าผลตอบรับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง อีกทั้งยังสามารถขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ ๆ ได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ เพราะการตลาดออนไลน์ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วประเทศ หรือแม้กระทั่งทั่วโลก

ที่สำคัญ การตลาดออนไลน์ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ผ่านการสื่อสารแบบ Two-way Communication ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้แสดงความคิดเห็น แชร์ประสบการณ์ และมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นำไปสู่การสร้างฐานลูกค้าที่จงรักภักดี (Brand Loyalty) และการบอกต่อแบบปากต่อปาก (Word of Mouth) บนโลกออนไลน์ ซึ่งถือเป็นการตลาดที่ทรงพลังและมีต้นทุนต่ำที่สุด

ทำการตลาดออนไลน์ต้องใช้กลยุทธอะไรบ้าง?

ทำการตลาดออนไลน์มีอะไรบ้าง

มาถึงส่วนที่หลายคนสนใจกันแล้วว่า ธุรกิจจะสามารถทำการตลาดออนไลน์ได้ด้วยวิธีใดบ้าง ในบทความนี้ขอยกตัวอย่าง 6 ช่องทางการทำ Online Marketing สุดปังที่ธุรกิจยุคใหม่ไม่ควรพลาด

1. Content Marketing

Content Marketing คือการทำการตลาดด้วยการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดความสนใจ สร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการให้ข้อมูล หรือคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นบทความ บล็อก อินโฟกราฟิก วิดีโอ หรือรูปภาพต่าง ๆ ซึ่งต้องคำนึงถึงความครีเอทีฟ ความแตกต่าง และความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายเป็นสำคัญ

2. SEO (Search Engine Optimization)

SEO หรือ Search Engine Optimization คือการทำให้เว็บไซต์ หรือคอนเทนต์ติดหน้าแรกของ Google เมื่อมีคนเสิร์ชด้วย Keyword ที่เรากำหนด ด้วยการปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ ทั้งในหน้าเว็บ (On-page SEO) และนอกหน้าเว็บ (Off-page SEO) ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นมากในยุคนี้ ที่ผู้บริโภคนิยมเสิร์ชหาข้อมูลสินค้าหรือบริการผ่าน Search Engine เป็นอันดับต้น ๆ

3. SEM (Search Engine Marketing)

SEM หรือการทำโฆษณาบน Search Engine อย่าง Google Ads เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจปรากฏบนหน้าแรกเมื่อมีการค้นหาคำสำคัญที่เกี่ยวข้อง ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความตั้งใจซื้ออยู่แล้วได้ทันที เห็นผลเร็ว แถมสามารถกำหนดงบประมาณ ระยะเวลาของแคมเปญ และวัดผลได้อย่างชัดเจน

4. Influencer Marketing

อีกหนึ่งช่องทางที่มาแรงในยุคนี้ คือ Influencer Marketing เป็นการร่วมมือกับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ และคนมีอิทธิพลในโลกออนไลน์ ให้ช่วยรีวิวแนะนำสินค้า โปรโมทแบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดียของพวกเขา ด้วยฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น การทำ Influencer Marketing จะช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้สินค้าได้เป็นอย่างดี

5. Social Media Marketing (SMM)

Social Media Marketing คือการใช้โซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram หรือ TikTok เป็นช่องทางในการโปรโมทสินค้าและสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ติดตาม ทั้งการทำคอนเทนต์ให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายแต่ละแพลตฟอร์ม การทำแคมเปญ กิจกรรม การทำโฆษณา Social Media Ads ไปจนถึงการอัปเดตเนื้อหาใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ

6. Affiliate Marketing

ปิดท้ายด้วย Affiliate Marketing คือการให้ผู้อื่นช่วยโปรโมทสินค้าให้ แล้วแชร์รายได้ให้พวกเขาเมื่อมีคนซื้อของผ่านลิงก์ Affiliate เปรียบเสมือนการมีพันธมิตรทางการขาย แล้วทางธุรกิจจะให้ค่าตอบแทนในรูปแบบค่า Commission (คอมมิชชัน) ซึ่งค่าตอบแทนจะขึ้นอยู่กับยอดขายที่เกิดขึ้นจริง ต้องบอกว่า การทำการตลาดออนไลน์รูปแบบนี้มาแรงสุด ๆ เพราะสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขาย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งเจ้าของธุรกิจ และตัวแทนที่แนะนำสินค้า

ทำการตลาดออนไลน์อย่างไรให้ได้ผล?

ทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผล

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงอยากรู้แล้วว่า แล้วเราจะทําการตลาดออนไลน์ให้ได้ผลจริง ๆ ได้อย่างไรบ้าง ขอบอกเลยว่า ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่เราขอแชร์หลักง่าย ๆ ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จได้ ดังนี้

1. ต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนว่าเป็นใคร ช่องทางไหนเข้าถึงพวกเขามากที่สุด

การศึกษาและทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้งเป็นพื้นฐานสำคัญของการทำการตลาดออนไลน์ ต้องรู้ทั้งข้อมูลพื้นฐาน พฤติกรรมการใช้สื่อออนไลน์ ความสนใจ ปัญหาที่พวกเขาเผชิญ รวมถึงการตัดสินใจซื้อ เพื่อเลือกช่องทางและวิธีการสื่อสารที่เหมาะสมที่สุด

2. ตั้งเป้าหมายในแต่ละแคมเปญการตลาดให้ชัดเจน เพื่อให้วัดผลและปรับกลยุทธ์ได้

การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้จริง จะช่วยให้เราประเมินความสำเร็จของแคมเปญได้แม่นยำ เช่น ต้องการเพิ่มยอดขาย สร้างการรับรู้แบรนด์ หรือเพิ่มฐานผู้ติดตาม ซึ่งแต่ละเป้าหมายจะนำไปสู่การวางแผนกลยุทธ์และตัวชี้วัดที่แตกต่างกัน

3. เลือกใช้แพลตฟอร์มและรูปแบบการทำตลาดให้เหมาะกับพฤติกรรมของลูกค้า

แต่ละแพลตฟอร์มมีจุดแข็งและกลุ่มผู้ใช้ที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ให้เหมาะสมจึงสำคัญมาก เช่น LinkedIn เหมาะกับการทำตลาด B2B TikTok เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบความสนุกสนาน ส่วน Facebook อาจเหมาะกับการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่หลากหลายมากกว่า

4. ทำเนื้อหาให้น่าสนใจ สร้างสรรค์ ไปจนถึงสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมาย

คอนเทนต์ที่ดีต้องสร้างคุณค่าให้กับผู้รับสาร ไม่ว่าจะเป็นความบันเทิง ความรู้ หรือแรงบันดาลใจ โดยต้องนำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจ เข้าใจง่าย และเหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์ม พร้อมทั้งสอดแทรกเอกลักษณ์ของแบรนด์เข้าไปอย่างกลมกลืน

5. ต้องสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าตลอดทั้ง Customer Journey ตั้งแต่ยังไม่ซื้อจนถึงหลังการขาย

การดูแลลูกค้าตลอดเส้นทางการซื้อเป็นสิ่งสำคัญ ตั้งแต่การสร้างการรับรู้ การให้ข้อมูล การตอบคำถาม ไปจนถึงการบริการหลังการขาย ต้องทำให้ทุกจุดสัมผัสเป็นประสบการณ์ที่ดี เพื่อสร้างความประทับใจและการบอกต่อ

6. วัดผล วิเคราะห์ข้อมูลตัวเลข เพื่อนำไปปรับแผนและกลยุทธ์การตลาดต่อไป

การวัดผลและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราเห็นว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นได้ผลหรือไม่ ควรปรับปรุงอะไร และควรลงทุนเพิ่มในส่วนไหน โดยต้องดูทั้งตัวเลขเชิงปริมาณและข้อมูลเชิงคุณภาพ เพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำ

ตัวอย่างเครื่องมือในการทำการตลาดออนไลน์

การทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือที่หลากหลายมาช่วยในการวางแผน ดำเนินการ และวัดผล ซึ่งแต่ละเครื่องมือก็มีจุดเด่นและการใช้งานที่แตกต่างกันไป มาดูกันว่ามีเครื่องมือไหนบ้างที่นักการตลาดออนไลน์ควรรู้จัก

  • Facebook Ads Manager : เครื่องมือยอดนิยมสำหรับการทำโฆษณาบน Facebook และ Instagram ที่ช่วยให้เราสามารถสร้าง จัดการ และติดตามผลแคมเปญโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมฟีเจอร์การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำ และรูปแบบโฆษณาที่หลากหลาย
  • Google Ads : แพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์จาก Google ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถแสดงโฆษณาบน Search Engine, YouTube และเว็บไซต์พันธมิตร โดดเด่นด้วยระบบประมูลราคาที่ยุติธรรม และความสามารถในการเข้าถึงผู้ใช้ที่มีความตั้งใจซื้อสูง
  • Google Analytics : เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้เข้าชมเว็บไซต์ พฤติกรรมการใช้งาน แหล่งที่มาของทราฟฟิก และการทำ Conversion ช่วยให้เราเข้าใจประสิทธิภาพของการทำการตลาดดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น
  • TikTok Ads Manager : เครื่องมือสร้างและจัดการโฆษณาบน TikTok ที่กำลังมาแรง เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงกลุ่ม Gen Z และ Millennials ด้วยคอนเทนต์วิดีโอสั้นที่สร้างสรรค์และน่าสนใจ
  • Ahrefs : เครื่องมือวิเคราะห์ SEO ที่ครอบคลุมทั้งการวิจัยคีย์เวิร์ด การวิเคราะห์คู่แข่ง การตรวจสอบ Backlink และการติดตามอันดับการแสดงผลบน Google ช่วยให้วางกลยุทธ์ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • SE Ranking : อีกหนึ่งเครื่องมือ SEO ที่ใช้งานง่าย ราคาย่อมเยา มาพร้อมฟีเจอร์ครบครันทั้งการติดตามอันดับ วิเคราะห์คู่แข่ง ตรวจสอบ Backlink และวางแผนคอนเทนต์ เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง

ขั้นตอนการทำการตลาดออนไลน์สำหรับมือใหม่

สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำการตลาดออนไลน์ อาจรู้สึกว่ามีรายละเอียดมากมายจนไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะเราได้รวบรวมขั้นตอนพื้นฐานที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ มาดูกันว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง

1. สำรวจพฤติกรรมกลุ่มลูกค้า เพื่อดูว่าต้องทำการตลาดในช่องทางใด

ก่อนจะเริ่มทำการตลาดออนไลน์ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการศึกษาและทำความเข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างละเอียด ทั้งในแง่ของข้อมูลประชากรศาสตร์ ไลฟ์สไตล์ พฤติกรรมการใช้สื่อออนไลน์ และการตัดสินใจซื้อ เช่น กลุ่มเป้าหมายใช้เวลาอยู่บนแพลตฟอร์มไหนมากที่สุด ช่วงเวลาใดที่พวกเขาแอคทีฟ ชอบคอนเทนต์รูปแบบไหน มีปัจจัยอะไรที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราวางแผนการตลาดได้ตรงจุดมากขึ้น

2. วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนของตนเองและคู่แข่งอย่างละเอียด

การวิเคราะห์ SWOT Analysis ทั้งของธุรกิจเราและคู่แข่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยให้เราเห็นโอกาสและช่องว่างทางการตลาดที่ยังไม่มีใครทำ รวมถึงเข้าใจว่าเราควรนำเสนอจุดเด่นอะไรเพื่อให้โดดเด่นกว่าคู่แข่ง ลองสำรวจว่าคู่แข่งใช้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์อย่างไร มีจุดไหนที่เราสามารถทำได้ดีกว่า หรือมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะช่วยสร้างความแตกต่าง

3. ทำคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า

เมื่อเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและรู้จุดยืนของแบรนด์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยต้องคำนึงถึงทั้งรูปแบบและเนื้อหาที่เหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น Instagram อาจเน้นรูปภาพสวยงาม TikTok เน้นวิดีโอสั้นสนุก ๆ Facebook อาจผสมผสานทั้งข้อความ รูปภาพ และวิดีโอ ที่สำคัญต้องมีความสม่ำเสมอในการโพสต์และสร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์

4. ลงโฆษณาโปรโมทในช่องทางที่เหมาะสม

การทำคอนเทนต์ดี ๆ อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ การลงโฆษณาจะช่วยขยายการเข้าถึงและเร่งผลลัพธ์ได้เร็วขึ้น โดยเริ่มจากการกำหนดงบประมาณที่เหมาะสม เลือกรูปแบบโฆษณาที่ตรงกับวัตถุประสงค์ และกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้แม่นยำ ควรเริ่มต้นจากงบประมาณที่ไม่สูงมากก่อน เพื่อทดสอบและเรียนรู้ว่าแคมเปญไหนได้ผลดีที่สุด

5. วัดผลหลังแคมเปญการตลาดจบ และปรับปรุงแก้ไขต่อไป

การวัดผลเป็นขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้การวางแผนและดำเนินการ โดยต้องดูทั้งตัวเลขเชิงปริมาณ เช่น ยอดการเข้าถึง การมีส่วนร่วม ยอดขาย และข้อมูลเชิงคุณภาพ เช่น คอมเมนต์ ฟีดแบ็คจากลูกค้า นำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ว่าอะไรที่ทำได้ดี อะไรที่ต้องปรับปรุง เพื่อพัฒนาแผนการตลาดในครั้งต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

จ้างเอเจนซี่รับทำการตลาดออนไลน์ หรือทำเองดี

อีกหนึ่งคำถามที่หลายธุรกิจคงสงสัย จริง ๆ แล้วการทำการตลาดออนไลน์ด้วยตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องยาก หากเรามีความรู้พื้นฐาน อัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม การทำการตลาดออนไลน์บางช่องทางจำเป็นต้องใช้เครื่องมือเสริมที่ต้องอาศัยทั้งต้นทุน และความเชี่ยวชาญ ทำให้บางธุรกิจไม่สะดวกสร้างทีมการตลาดแบบ In-house เอง จึงนิยมใช้บริการเอเจนซี่ หรือบริษัทรับทำการตลาดออนไลน์มาช่วยดูแลแทน

การจ้างเอเจนซี่มีข้อดีหลายอย่าง เช่น

  • ได้ทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ เข้าใจเครื่องมือทางการตลาดออนไลน์เป็นอย่างดี
  • ช่วยคิดไอเดียสร้างสรรค์ วางแผนกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจ
  • มีบริการครบวงจรการตลาดออนไลน์
  • รู้จักวิเคราะห์ข้อมูล ตีความสถิติต่าง ๆ เพื่อนำไปต่อยอดได้
  • มีเวลาโฟกัสกับการบริหารธุรกิจได้อย่างเต็มที่
  • มีเครือข่ายพันธมิตร เช่น สื่อ อินฟลูเอนเซอร์ ช่วยขยายการเข้าถึงได้มากขึ้น
  • ช่วยประหยัดทั้งเวลา บุคลากร และงบประมาณในระยะยาว

จะเห็นได้ว่าการทำการตลาดออนไลน์ ไม่ใช่แค่เทรนด์ที่กำลังมาแรง แต่เป็นเครื่องมือจำเป็นที่ธุรกิจยุคใหม่ต้องใช้ เพื่อสร้างการเติบโตท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้นในโลกดิจิทัล หวังว่าทุกคนจะได้ไอเดียดี ๆ จากบทความนี้ไปปรับใช้กับการทำการตลาดออนไลน์ให้กับธุรกิจตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้ธุรกิจบนโลกออนไลน์ 

สำหรับใครที่กำลังมองหาเอเจนซี่ดี ๆ Insightout Service รับทําการตลาดออนไลน์ครบวงจร มีบริการหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Content Marketing ยิงโฆษณาออนไลน์, ทำ SEO, Creative Work & Media Production, Influencer Marketing และบริการ E-commerce ดูแลโดยทีมงานเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในหลากหลายธุรกิจ พร้อมคิดค้นโซลูชั่นที่เหมาะสม เพื่อพาธุรกิจของคุณเติบโตอย่างก้าวกระโดด

Tag