SEO กับ SEM ต่างกันยังไง?
การทำ SEO (Search Engine Optimization)
คือการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ ผลการค้นหาบน Search Engine เช่น Google ซึ่งเป็นผลจากการออกแบบ และเนื้อหาบนเว็บไซต์ แล้วการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ ในการค้นหาดียังไง? ดีเพราะจะทำให้เว็บไซต์ของเรามีคนเข้ามาชมมากขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจของเราเพราะทำให้ร้านค้าของเราเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่ลูกค้าเลือกสั่งซื้อสินค้านั่นเอง
ประกอบด้วย
- การทำคอนเทนต์บนเว็บไซต์ เช่น การใช้คีย์เวิร์ด การเขียน Meta Description และการปรับ URL
- การสร้าง Backlinks หรือการสร้างลิงก์จากเว็บไซต์อื่นเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ทำให้คะแนน SEO เพิ่มขึ้น
- การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์ด้วยการปรับแต่งและพัฒนาเว็บไซต์ เช่น การปรับปรุงเรื่อง Page Speed การใช้งานผ่านมือถือ (Mobile-Friendly)
- การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google ในคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับ location เช่น restaurant in Bangkok
การทำ SEM (Search Engine Marketing)
คือ กลยุทธ์การทำการตลาดผ่าน Search Engine เช่น Google เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับแรก ๆ ของการค้นหาเช่นเดียวกับการทำ SEO แต่เป็นการซื้อโฆษณาเพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับแรกเมื่อมีการค้นหา Keyword ตามที่ได้กำหนดไว้ เพื่อเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ และเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น
ประกอบด้วย
- PPC (Pay-Per-Click) คือ การโฆษณาที่มีค่าใช้จ่ายทุกครั้งที่มีคนคลิก
- การเลือกคีย์เวิร์ด (Keyword Targeting) ที่ต้องการหรือที่คิดว่าคนจะค้นหามากที่สุด เพื่อให้โฆษณาปรากฏเมื่อผู้ใช้งานค้นหาคำเหล่านั้น
- ปรับโฆษณาให้มีประสิทธิภาพ เพราะโฆษณาที่น่าสนใจสามารถช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย เช่น การปรับข้อความโฆษณา การใช้ A/B Testing เพื่อดูผลลัพธ์
- Remarketing คือ การทำการตลาดซ้ำไปยังกลุ่มที่เคยเข้าเว็บไซต์มาอ่านคอนเทนต์ของเรา หรือเคยมีปฏิสัมพันธ์กับ Ads ของเรา เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ
ซึ่งผลลัพธ์ของการทำ SEO กับ SEM ที่แตกต่างกัน SEO เหมาะที่จะทำเพื่อผลลัพธ์ในระยะยาว และเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ ส่วน SEM เหมาะกับการโปรโมตสินค้าในระยะสั้น เพราะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่า แต่หลาย ๆ ธุรกิจก็ทำทั้งสองอย่างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิยิ่งขึ้น